สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อ

สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลจากอะไร

สินเชื่อส่วนบุคคลแม้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการหรือผู้ขอสินเชื่อ แต่การจะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อใดๆ รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคลนั้น เจ้าหน้าที่หรือนักการธนาคารจะต้องมีกระบวนการในการวิเคราะห์สินเชื่อ ทั้งนี้ เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงและประเมินโอกาสในการได้รับการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยคืนว่ามีมากน้อยขนาดไหน เพราะสินเชื่อเป็นสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ และถือเป็นพอร์ตหลัก หรือกิจกรรมสำคัญในการประกอบการของธนาคารและสถาบันการเงิน ที่มีผลกระทบทางตรงกับสภพและฐานะทางการเงินของธนาคาร นั้น ๆ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หรือนักการธนาคารจะทำการวิเคราะห์ในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ

การพิจารณาสินเชื่อส่วนบุคคลจากหลัก C's ประกอบด้วย Character, Character, Capital, Collateral และ Conditions

Character คือการพิจารณาคุณลักษณะและคุณสมบัติโดยทั่วไปของผู้ขอสินเชื่อ ได้แก่ ฐานะหน้าที่การงาน ความมั่นคง การศึกษา ประสบการณ์ คุณภาพของผู้บริหาร ฐานะทางสังคม ประวัติการชำระหนี้ เป็นต้น และรวมไปจนถึงความตั้งใจจริงในการชำระหนี้คืน Character ยังเป็นอุปนิสัย ทัศนคติ ความรู้และประสบการณ์ทางธุรกิจ ความซื่อสัตย์สุจริตด้วย

Capacity คือการพิจารณาจากศักยภาพหรือความสามารถในการชำระหนี้ รวมทั้ง ความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจว่าจะประสบความเสี่ยง หรือจะมีกำไร นอกจานี้ ก็จะมีการพิจารณากระแสเงินสดของธุรกิจที่ประกอบว่ามีความสามารถในการชำระหนี้คืนหรือไม่ ไม่เพียงแค่นั้น แหล่งเงินทุนสำรองของธุรกิจก็นำมาพิจารณาร่วมด้วย เพราะเราธนาคารต้องเผื่อความเสียหายหรือกรณีกระแสเงินปกติของธุรกิจเกิดปัญหา ศักยภาพหรือความสามารถนี้ยังรวมถึงลักษณะการประกอบอาชีพ ความมั่นคงของรายได้ เช่น จะมีการคำนวณจากภาระการชำระหนี้ในแต่ละเดือน เช่น หากผู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคลต้องแบกภาระชำระหนี้เกินหนึ่งในสามของรายได้ในแต่ละเดือน โอกาสที่จะได้รับการอนุมัตสินเชื่อส่วนบุคคลก็จะมีน้อย

Capital คือ ลักษณะของทุนที่ได้ถูกนำมาใช้ในกิจการที่เป็นในส่วนของตัวลูกหนี้ หาใช่เงินทุนที่ได้มาจากการกู้ ง่ายๆ คือ กระแสรายได้นั่นเอง โดยดูว่ากระแสรายได้นั้นมีจำนวนเพียงพอที่จะชำระหนี้หรือไม่ รายได้ที่จะนำมาชำระหนี้คืนควรมาจากรายได้สุทธิ หรือจากการดำเนินธุรกิจหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว และต้องเป็นรายได้ประจำ เพราะมีความแน่นอนกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดความเสียหายผู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคลจะต้องรับผิดชอบเป็นลำดับแรก

Collateral คือ หลักทรัพย์ค้ำประกัน ยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนในตอนต้นนี้เลย เพื่อจะได้เข้าใจ เช่น เงินฝาก พันธบัตร ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร สัญญาใช้เงิน หุ้น บุคคลหรือนิติบุคคล ทะเบียนรถ เงินสด บัญชีเงิน ทองคำ หน่วยลงทุนในกองทุนต่างๆ อสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน เรือกสวนไร่นา อาคารสำนักงาน บ้านที่อยู่อาศัย ห้องชุดคอนโดมิเนียม สิทธิการเช่าต่างๆ หรือแม้แต่สินทรัพย์ทางปัญญา ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งหมดนี้ คือตัวอย่างหลักทรัพย์ที่ใช้อ้างอิง หากผู้ขอสินเชื่อส่วนบบุคคลไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ โดยมูลค่าของหลักทรัพย์ค้ำประกันจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่าจำนวนเงินที่กู้ สาเหตุที่สถาบันการเงินต้องใช้หลักทรัพย์มาค้ำประกันในการขอสินเชื่อส่วนบุคคลก็เพราะไม่อาจมีอะไรมาการันตีความเสี่ยงที่สถาบันการเงินอาจไม่ได้รับเงินคืน นอกจากนี้ ก็มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอีกแบบที่ถือเป็นการประกันได้ คือ ฐานะของผู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคล หรือหากคุณเป็นคนที่สังคมนับหน้าถือตา มีชื่อเสียง และเป็นลูกค้าของธนาคาร / สถาบันการเงินนั้นๆ มานาน ก็อาจใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ด้วย

Conditions คือ วัตถุประสงค์ของการนำเงินไปใช้ ซึ่งจะเป็นการพิจารณาร่วมกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ สภาวะตลาด และความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เป็นต้น

อีกสิ่งที่ต้องพิจารณาเกี่ยวข้องร่วมด้วยคือคุณติดแบล็คลิสต์หรือไม่ การขอข้อมูลแบล็คลิสต์จากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติหรือเครดิตบูโรจะทำให้ธนาคารและสถาบันการเงินทราบถึงรายงานสรุปข้อมูลสินเชื่อว่าเป็นอย่างไร ในรายงานจะบอกถึงจำนวนยอดขอสินเชื่อ วงเงินค้างจ่าย การผ่อนชำระ การปิดยอดชำระ การปรับโครงสร้างหนี้ แล้วแบล็คลิสต์ส่งผลอะไรต่อตัวผู้ขอสินเชื่อ จะมีผลก็ต่อเมื่อคุณได้ถูกขึ้นชื่อว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งนั่นจะทำให้คุณถูกปฏิเสธในการขอกู้สินเชื่อหรือบัตรเครดิตในอนาคต ไม่สามารถยื่นขอที่ใดๆ ได้อีก หากสถานะทางบัญชียังไม่เรียบร้อย

เครดิตบูโร จะรายงานข้อมูลเครดิตของคุณตามการร้องขอของเจ้าหนี้ ซึ่งจะทำงานใกล้ชิดกันบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จะจัดเก็บรายงานข้อมูลของทั้งบุคคลและนิติบุคคล เพื่อการประเมินความเสี่ยงในการอนุมัติสินเชื่อหรือวงเงินเครดิตแก่ลูกค้า ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสียหายจากการผิดนัดชำระหนี้หรือเสี่ยงต่อหนี้สูญ

นอกจากฝั่งธนาคารจะเป็นผู้พิจารณาสินเชื่อแล้ว แต่ตัวผู้ขอสินเชื่อเองก็มีอำนาจในมือ ด้วยการเตรียมตัวเตรียมเอกสารหลักฐานให้พร้อมก็ช่วยให้การขอราบรื่นขึ้น การเตรียมตัวก็ควรจัดเตรียม ดังต่อไปนี้

เอกสารทั่วไป‥ เอกสารสารที่จำเป็นก่อนลงนามในสัญญา เช่น เอกสารแสดงรายได้ บัตรประชาชน จดหมายรับรองฐานะการเงิน

เอกสารสัญญา‥ สำคัญที่ต้องเป็นลายลักษณ์อักษรและถูกต้องตามกฎหมาย ควรมีการระบุข้อมูลที่ถูกตรงตรงความเข้าใจทั้งสองฝ่าย และไม่ควรเว้นว่างส่วนใดส่วนหนึ่งไว้ หากเกิดกรณีดังกล่าวก็ไม่ควรลงนามใดๆ

วงเงินและอัตราดอกเบี้ย‥ ในเอกสารสัญญาต้องมีการระบุวงเงินสินเชื่อที่ชัดเจน รวมถึงอัตราดอกเบี้ย และการชำระเงินคืน ทั้งหมดก็เพื่อเป็นข้อกำหนดถึงความรับผิดชอบของคุณให้เป็นไปตามสัญญาว่าจะผ่อนชำระเงิน พร้อมดอกเบี้ยที่ตกลงกันไว้คืนให้กับเจ้าหนี้อย่างสม่ำเสมอและตรงเวลา